Tag: momtips
-
คู่มือความเป็นแม่
ความหมายของคำว่า แม่ “แม่” เป็นคำเรียกผู้ให้กำเนิด ส่วนความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายคำว่า แม่ หมายถึง “หญิงในฐานะผู้ให้กำเนิดแก่ลูก หรือคำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน” ซึ่งนอกจากผู้ให้กำเนิด สำหรับลูกนั้น แม่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ นอกจากให้กำเนิดแล้วยังเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนโต แม่ยังมีความรักความเป็นห่วงให้ลูกอย่างไม่มีวันจบ คำว่า “แม่” ในแต่ละภาษามีคำเรียกที่ต่างออกไป เช่น ภาษาอังกฤษเรียกว่า มาเธอร์ (Mother) ภาษาฝรั่งเศสใช้คำว่า มามอง (Maman) ภาษาจีนเรียกว่า มาหม่ะ (Mama) ภาษาเกาหลีใช้คำว่า ออมม่า (Omma) ซึ่งถึงแม้เสียงจะต่างกันแต่มีความคล้ายกันด้วยเสียง “ม” ซึ่งเป็นเสียงแรกตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งนักภาษาศาสตร์ได้ศึกษาว่าเสียง “มามา” เป็นเสียงที่ง่ายสำหรับทารก ในการออกเสียงเพื่อขออาหาร หรือเมื่อต้องการความอบอุ่น ปลอดภัย ซึ่งแสดงว่าคำว่า “แม่” ยังบ่งบอกถึงความผูกพันในใจด้วย หน้าที่ของแม่ที่มีต่อลูกตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ครอบครัว หมวด ๒ สิทธิและหน้าที่ของบิดามารดาและบุตร (มาตรา ๑๕๖๑ – ๑๕๘๔/๑) ได้ระบุถึงสิทธิและหน้าของบิดามารดาและบุตร มีตัวอย่างดังนี้ มาตรา…
-
พัฒนาการเด็ก 7-12 เดือน เล่นอย่างไรเสริมสร้างพัฒนาการ
หลังจากที่เราได้แนะนำ พัฒนาการเด็กทารกช่วง 0-6 เดือน ไปแล้ว ในบทความนี้เราจะแนะนำถึงพัฒนาการเด็กทารกวัย 7-12 เดือนกันต่อ และการเสริมพัฒนาการให้เหมาะกับช่วงวัย พัฒนาการเด็กทารก คืออะไร พัฒนาการเด็กทารก คือ การเจริญเติบโตด้านต่างๆ ทางร่างกาย, สติปัญญา, ภาษา และสังคม ตั้งแต่แรกคลอด โดยในช่วง 12 เดือนแรกจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทุกเดือน โดยทารกแต่ละคนอาจจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของเวลา โดยเราสามารถใช้พัฒนาการในแต่ละวัยในการสังเกตการเจริญเติบโตของลูกว่ามีความปกติหรือไม่ และกิจกรรมใดบ้างที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดี พัฒนาการเด็ก 7 เดือน นั่งทรงตัวเองได้ ฟันเริ่มขึ้น เคี้ยวอาหารเป็นชิ้นได้ หยิบอาหารเข้าปากเองได้ การเสริมพัฒนาการเด็ก 7 เดือน ฝึกลูกทานอาหาร BLW ฝึกการหยิบจับสิ่งของต่างๆ ควรเป็นของที่ปลอดภัยต่อการเอาเข้าปากและไม่ติดคอ พัฒนาการเด็ก 8 เดือน เริ่มคืบ หรือคลานได้บ้าง มีการเคลื่อนไหวทางร่างกายมากขึ้น ใช้นิ้วชี้สิ่งของต่างๆได้ ชี้รูปสิ่งของตามคำที่พ่อ-แม่พูดถึงได้ การเสริมพัฒนาการเด็ก 8 เดือน อ่านนิทานพร้อมภาพประกอบ ฝึกกระตุ้นพัฒนาการทางภาษา สอนเรียกสิ่งของต่างๆเป็นคำๆ พัฒนาการเด็ก 9…
-
น้ำนมน้อยทำยังไงดี? พร้อมเทคนิคเพิ่มน้ำนมคุณแม่
คงจะมีคุณแม่จำนวนไม่น้อยเลยใช่มั้ยคะ ที่กำลังประสบปัญหา น้ำนมน้อย ไม่เพียงพอให้ลูกรักดื่ม จนบางครั้งกลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจสำหรับคุณแม่หลาย ๆ ท่าน เพราะกังวลว่าลูกน้อยจะรับสารอาหารสำคัญไม่เพียงพอ ซึ่งตามหลักทางโภชนาการแล้ว น้ำนมแม่ถือว่ามีสารอาหารสำคัญมากที่สุด เนื่องจากมีวิตามิน แร่ธาตุสำคัญ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กแรกเกิดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียที่ดีต่อระบบทางเดินอาหารของเด็กอีกด้วย วันนี้เราเลยอยากจะชวนคุณแม่ทุกท่านมาไขข้อข้องใจ ว่าปัญหาน้ำนมน้อยนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วเราจะมีเทคนิคเพิ่มน้ำนมคุณแม่อย่างไรให้ลูกรักดื่ม ถ้าพร้อมแล้วลองไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ น้ำนมแม่เกิดขึ้นได้อย่างไร ? กระบวนการการผลิตน้ำนมนั้น จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 โดยร่างกายของคุณแม่จะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า โปรแลคติน ไปกระตุ้นสมองส่วนหน้า ทำให้เกิดกระบวนการผลิตน้ำนม แต่ยังไม่หลั่งออกมาเพราะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สร้างจากเด็กทารกคอยยับยั้งไม่ให้เกิดการหลั่งอยู่ หลังจากที่คุณแม่คลอดเด็กทารกแล้ว ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เคยหลั่งเพื่อสร้างเด็กทารกก็จะหลั่งน้อยลงจนหยุดลงในที่สุด ส่งผลให้กลไกการยับยั้งน้ำนมหายไป เมื่อลูกน้อยได้ดื่มก็จะยิ่งเกิดการกระตุ้นฮอร์โมนโปรแลคตินให้หลังมากขึ้น ซึ่งถ้ายิ่งหลั่งมาก ก็จะเกิดการผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นมากเท่านั้นนั่นเอง สารอาหาร และ ประโยชน์ของน้ำนมแม่ ในน้ำนมแม่มีสารอาหารจำเป็นที่ครบถ้วนสำหรับลูกน้อยมาก โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ระยะได้ดังนี้ ระยะที่ 1: “น้ำนมแรก” หรือ “น้ำนมเหลือง (colostrum)” “น้ำนมแรก” หรือ “น้ำนมเหลือง (colostrum)” จะผลิตออกมาในช่วง 1 –…
-
พัฒนาการเด็ก 0 – 6 เดือน คุณแม่ควรรู้เพื่อพัฒนาการสมวัย
นอกเหนือไปจากเรื่องภาวะซึมเศร้าหลังคลอดแล้ว อีกหนึ่งเรื่องคุณแม่มือใหม่หลายท่าน มักจะวิตก กังวลและเครียดไปกับ ลูกคนแรก ทั้งการ กิน ดื่ม ขับถ่าย นอนหลับ และอีกมากมาย ที่เป็นส่วนสำคัญของพัฒนาการเด็กในช่วงวัยนี้ เราจะมีวิธีการดูแลและเสริมพัฒนาการอย่างไรได้บ้าง วันนี้เรามีเคล็บลับง่ายๆ สำหรับการดูแล เสริมพัฒนาการเด็ก ช่วง 6 เดือนแรก มาฝากกัน พัฒนาการเด็กทารก คืออะไร? นับตั้งแต่เริ่ม ตั้งครรภ์ กับช่วงเวลาอุ้มท้อง 36-40 สัปดาห์ที่คุณแม่ทุกคนจะได้พบหน้ากับลูกน้อยเป็นครั้งแรก การตรวจสอบพัฒนาการของเด็กก็ถูกกำหนดขึ้น จากการที่ทารกนั้น สามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ ตามช่วงวัย โดยเป็นการตอบสนองทางร่างกาย การเคลื่อนไหว ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่ได้สังเกตได้ง่ายขึ้นว่า ตอนนี้ลูกน้อยมีพัฒนาการปกติหรือไม่อย่างไรบ้าง พัฒนาการเด็ก 1 เดือน มีการมองตามวัตถุ หรือ คนที่เคลื่อนไหวต่างๆ หันเอียงคอได้บ้าง ตอบสนองต่อเสียง การอุ้มทารก ช่วยให้เด็กรับรู้ถึงความปลอดภัย ลดการร้อง ตื่นตระหนกกับเสียงที่ไม่คุ้นเคย และ เริ่มรับรู้ว่าเสียงไหนเป็นเสียงพ่อ-แม่ การเสริมพัฒนาการเด็ก 1 เดือน ทารกวัยแรกคลอด จนถึง…
-
นวดทารก อย่างปลอดภัย กระตุ้นพัฒนาการอย่างถูกวิธี
หลังจากที่เรามีการแนะนำการนวดเพื่อกระตุ้นน้ำนมสำหรับคุณแม่ไปแล้ว วันนี้เราจะพาคุณแม่มาดูการนวดทารก (Infant Massage) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีการกระตุ้นเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก และ การวิจัยยังพบว่าการนวดทารก ช่วยสร้างความผูกพันของแม่และเด็กได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะมาทำเสนอวิธีการนวดทารกแบบง่ายๆ ทั้งข้อควรปฏิบัติและข้อควรระวังของการนวดต่างๆ ด้วย การนวดทารกมีประโยชน์อย่างไร? กระตุ้นพัฒนาการ เด็กวัยแรกเกิดนั้นยังมีระบบการทำงานของร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ การนวดคลึงเบาๆ ทั้งนวดลำตัว นวดหน้าท้อง นวดฝ่ามือ นวดฝ่าเท้า จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดของทารก ทำงานได้ดีขึ้น เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายทารก เมื่อระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กก็จะพัฒนาตามไปด้วย เสริมการเรียนรู้ จากการวิจัยพบว่าทารกที่ได้รับการสัมผัสร่างกายบ่อยๆ จะมีอารมณ์ที่ดีขึ้น มีอาการตื่นตระหนกน้อยลง มีการตอบสนองต่างๆ ดีขึ้น ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ทารกที่ได้รับการนวด จะมีการย่อยอาหาร การเรอ การขับถ่ายที่ดีกว่าเดิม เริ่มนวดทารกได้เมื่อไหร่? การนวดทารกสามารถเริ่มได้ทันที แต่สำหรับการนวดกดและลงแรงจะเริ่มได้หลังจากเด็กคลอดมา 3 – 4 สัปดาห์เป็นต้นไป เพราะในช่วงแรกคลอดนั้น ข้อต่อและกระดูกของทารกยังไม่แข็งแรงพอ การนวดหรือกดแรงเกินไป อาจเกิดอันตรายขึ้นกับร่างกายของเด็ก นวดทารกต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง? น้ำอุ่น น้ำมันนวด หรือ เบบี้ออยล์ ผ้าขนหนู วิธีการนวดทารก เริ่มต้นให้คุณพ่อหรือคุณแม่ล้างมือในน้ำอุ่น…
-
Baby Led Weaning: BLW ฝึกลูกหยิบอาหารกินเองโดยไม่ต้องป้อน
หลังจากทานแต่นมแม่มาตลอดหกเดือน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยนะคะ ที่ลูกจะต้องใช้เวลาปรับตัวในการทานอาหารทั่วไป และวิธีการฝึกทานอาหารที่เราคุ้นชินกันส่วนใหญ่ก็คือการต้ม บด ป้อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความหยาบของอาหารไปเรื่อยๆ ซึ่งวิธีแบบนี้เราเรียกันว่า Traditional Weaning (TW) ค่ะ แต่ช่วงที่ผ่านมาเราเริ่มได้ยินคำว่า Baby Led Weaning (BLW) มากขึ้น เช่นเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ ก็มีพูดถึง BLW ไว้ค่ะ เป็นทางเลือกที่ช่วยฝึกพัฒนาการลูกไปพร้อมๆ กับการช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เหนื่อยน้อยลง เพราะไม่ต้องเตรียมบด ปั่น อาหารเป็นเวลานาน แล้วต้องเดินตามป้อนลูกไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน วันนี้มาลองดูกันว่า BLW คืออะไร? แล้วเราจะเริ่มสอนลูกให้ทานอาหารเองได้ยังไงได้ค่ะ 🙂 BLW คืออะไร? Baby Led Weaning หรือ BLW คือการฝึกให้ลูกทานอาหารแข็งด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ต้องป้อน ไม่ต้องใช้ช้อน ไม่ต้องบดหรือปั่นอาหารก่อนค่ะ โดยจะเน้นอาหารนิ่มๆ ก่อน และเน้นให้ลูกจับไว้ในมือได้ถนัด แล้วก็ให้ลูกจับกินเองเลยค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้สัมผัสของอาหาร แม้จะดูเหมือนเล่นในช่วงแรก แต่ก็เป็นอาการฝึกพัฒนาการด้าน Sensory Play อย่างนึงค่ะ…
-
Executive Functions คืออะไร? กิจกรรมและวิธีสอน EF
Mommylicious Juice มีกิจกรรมดีๆ ในการช่วยเพิ่มความสนุกสนาน และเสริมสร้างทักษะ EF กระตุ้นพัฒนาการของเด็กๆ มาแนะนำเป็นไอเดียในการช่วยพัฒนา Executive functions ให้กับลูกกัน มาพับกับบทความ Executive functions ที่ดีที่สุดจากเรา Executive Functions คืออะไร? EF หรือ Executive functions คือ ทักษะที่ช่วยในด้านการคิดซึ่งทำงานในส่วนของสมองส่วนหน้า ช่วยในการเชื่อมข้อมูลความทรงจำจากในอดีตให้ผสมผสานเข้ากับช่วงเวลาปัจจุบัน รวมไปถึงทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การพลิกแพลง และการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งทักษะเหล่านี้เป็นทักษะที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ เข้าสังคม หรือทำงาน ถ้าลูกมีปัญหาด้าน Executive functions อาจจะส่งผลให้ไม่สามารถโฟกัสกับกิจกรรม ทำตามคำบอก เดินทางตามแผนที่ หรือควบคุมของตัวเองได้ และการฝึกทักษะ EF ให้กับลูก จะช่วยให้ลูกสามารถใช้ความคิด และใช้เหตุผลได้ดี สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม Executive Functions ประกอบด้วยอะไรบ้าง? Executive Functions ประกอบไปด้วย 8 ด้านหลักๆ คือ การรับรู้ (Awareness) การวางแผน…
-
ท่าโยคะคนท้องที่ง่าย ปลอดภัย ช่วยให้คลอดง่าย (ฟรี)
การฝึกโยคะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มีประโยชน์อย่างมาก เป็นเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจให้กับคุณแม่ก่อนคลอดได้ดี เป็นการคลายปวดเมื่อย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในท้อง แถมยังช่วยให้คลอดง่ายอีกด้วย มาดูท่าโยคะสำหรับคนท้องที่คุณแม่เล่นได้อย่างปลอดภัย รวมถึงการเตรียมตัว และข้อควรระวังกันค่ะ ข้อควรรู้และวิธีเตรียมตัวก่อนการฝึกโยคะระหว่างตั้งครรภ์ เลือกสถานที่เล่นโยคะที่เหมาะสม คุณแม่ควรเลือกสถานที่ ในการเล่นโยคะที่มีแสงสว่างเพียงพอ มีอากาศถ่ายเทที่ดี ที่จะช่วยให้คุณแม่มีความผ่อนคลาย และสามารถฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลือกแผ่นโยคะที่มีคุณภาพ คุณแม่ควรเลือกแผ่นโยคะที่มีความแข็งแรง เลือกใช้แผ่นโฟมที่มีคุณภาพดี สามารถทำความสะอาดและพับเก็บได้ง่าย เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบายสำหรับคนท้อง คุณแม่ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าขณะเล่นโยคะที่มีความยืดหยุ่นสูง และมีการระบายอากาศที่ดี จะช่วยให้มีความคล่องตัวที่สุด เลือกท่าโยคะที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การเล่นโยคะสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น จำเป็นต้องเลือกท่าโยคะที่ปลอดภัยและควรหลีกเลี่ยงท่าที่อาจทำให้เกิดความอันตราย เช่น ท่าสุนัขก้มหน้า หรือการทำโยคะในห้องร้อนที่อาจเกิดความอันตรายกับลูกในท้องได้ ปรึกษาคุณหมอก่อนการเล่นโยคะ ก่อนคุณแม่จะเล่นโยคะ ก็จำเป็นที่จะต้องปรึกษาคุณหมอก่อนการเล่นโยคะทุกครั้ง อีกทั้งควรปรึกษาครูฝึกโยคะ เพื่อขอคำแนะนำที่จะสามารถเล่นโยคะได้อย่างปลอดภัยที่สุด ข้อดีของการเล่นโยคะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่มีสายใยเชื่อมโยงกับลูกในท้อง การเล่นโยคะ จะช่วยให้คุณแม่ได้ฝึกสมาธิ และเป็นการเพิ่มสายใยความผูกพัน กับลูกในท้องได้เป็นอย่างดีค่ะ ลูกในท้องหาจุดที่เหมาะสมในท้อง การเล่นโยคะของคุณแม่ จะช่วยให้ลูกตัวน้อยในครรภ์ สามารถหาจุดที่เหมาะสม ที่จะทำให้เจ้าตัวน้อยนอนอยู่ในท้องของคุณแม่ได้สบาย ร่างกายกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้รวดเร็ว การฝึกโยคะ จะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่หลังคลอด มีการฟื้นฟู และสามารถกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้เหมือนช่วงก่อนคลอดได้อย่างรวดเร็ว สุขภาพของคุณแม่และลูกแข็งแรง การออกกำลังกายอย่างการฝึกโยคะนั้น จะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่และลูกในท้องมีความแข็งแรง อีกทั้งยังมีงานวิจัยออกมาแล้วว่ายังช่วยลดโอกาสในการคลอดก่อนกำหนด คลอดง่าย นอกจากจะช่วยจัดท่าลูกแล้ว โยคะจะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่ยืดหยุ่น ผ่อนคลาย ลดการเกร็งตึง…
-
น้ำหัวปลี และ เครื่องดื่มบำรุงน้ำนมแม่ Mommylicious Juice อร่อย ทานง่าย
สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูก สิ่งหนึ่งที่เป็นกังวลกันเสมอคือปริมาณน้อยเกินไป เมื่อเกิดความกังวล ย่อมส่งผลต่อสุขภาพและร่างกาย โดยเฉพาะหลังคลอดใหม่ๆ คุณแม่อาจมีอาการอ่อนเพลียอยู่แล้ว ซึ่งเราอยากให้คุณแม่สบายใจได้ว่าปัญหาน้ำนมน้อยนั้น สามารถแก้ไขได้ด้วยเทคนิคการเพิ่มน้ำนม และหนึ่งในเทคนิคการเพิ่มน้ำนมนั้นก็คือการทานน้ำหัวปลีนั่นเอง น้ำหัวปลีเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาของคนไทย ที่ช่วยบำรุงและเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่มายาวนาน แต่หลายคนอาจจะกังวลกับการทานน้ำหัวปลีหรือเครื่องดื่มบำรุงน้ำนม ทั้งในเรื่องของรสชาติ และน้ำตาลที่อาจจะส่งผลให้คุณแม่เป็นเบาหวานได้ วันนี้เราเลยอยากมาแนะนำเครื่องดื่มบำรุงน้ำนม และน้ำหัวปลี Mommylicious Juice ที่ดื่มง่าย อร่อย พกพาสะดวก และที่สำคัญไม่ต้องกลัวเบาหวานด้วยค่ะ น้ำหัวปลีรางวัล International Innovation Awards แบรนด์ Mommylicious Juice นำสูตรอาหารบำรุงน้ำนมตามความรู้ดั้งเดิมของไทย มาพัฒนาเป็นเครื่องดื่มสมัยใหม่เพื่อเพิ่มน้ำนมสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ทุกคน โดยส่วนผสมหลักจากผักผลไม้ไทย เช่น หัวปลี ขิง มะเขือเปราะ ใบกะเพรา ฯลฯ โดยเครื่องดื่มน้ำหัวปลีผสมขิง มะเขือเปราะ และใบกะเพรา หรือ Super Huaplee Plus แบรนด์ มัมมี้ลิเชียสจูซ (Mommylicious Juice) ได้รับรางวัล สุดยอดผลิตภัณฑ์นวัตกรรม จาก International Innovation Awards…
-
คนท้องกินวิตามินซีได้ไหม? ทานวิตามินระหว่างตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย
แน่นอนว่าการตั้งครรภ์นั้นมาพร้อมกับความกังวลใจอยู่ไม่น้อย ทั้งการเตรียมตัวคลอด การดูแลลูกในอนาคต ดูแลสุขภาพ เตรียมน้ำนมเพื่อให้นมลูก และการเลือกอาหารการกินเพื่อบำรุงสุขภาพ คำถามที่คุณแม่หลายคนสงสัย ก็คือ คนท้องกินวิตามินซีได้ไหม? วันนี้เราจะมาให้คำตอบอย่างละเอียดกัน พร้อมด้วยปริมาณที่คุณแม่ทานวิตามินซีได้ อาหารที่มีวิตามินซี และข้อควรระวังค่ะ คนท้องกินวิตามินซีได้ไหม? คนท้องสามารถกินวิตามินซีได้ค่ะ แต่จะต้องระวังเรื่องปริมาณในการทานไม่ให้มากเกินไป ทาง WHO บอกเอาไว้ว่าไม่พบว่าการทาน Vitamin C ส่งผลกับ ทารกคลอดก่อนกำหนด,ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์, ภาวะความดันโลหิตสูงที่จำเพาะกับการตั้งครรภ์, ทารกเสียชีวิตตอนคลอด, ทารกเสียชีวิตในระยะแรกเกิด หรือ ทารกโตช้าในครรภ์ ดังนั้นทางองค์การอนามัยโลกเลยได้สรุปไว้ว่า ไม่ได้พบอันตรายแต่ก็ไม่ได้บอกว่าการทานวิตามินซีเสริมนั้นจำเป็นสำหรับคุณแม่ค่ะ วิตามินซีมีประโยชน์สำหรับคุณแม่และลูกอย่างไร? งานวิจัยจาก World Health Organization พบว่า การทานวิตามินซี และวิตามินอี เสริมในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยลดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดได้ค่ะ นอกจากนี้การทานวิตามินซี ยังจำเป็นมากๆ สำหรับคุณแม่และลูกในครรภ์ เพราะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ สร้างกระดูกและฟันให้ลูก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ร่างกายของคุณแม่ดูดซับธาตุเหล็กได้ดีขึ้นค่ะ ทานวิตามินซีในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัยสำหรับคุณแม่และลูก? ปริมาณการทานวิตามินซีที่แนะนำสำหรับคุณแม่ จะแบ่งตามช่วงอายุดังนี้ค่ะ ปริมาณวิตามินที่ทานระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่อายุ 18 ปี…