fbpx

Mommylicious Juice

Tag: momtips

  • วิธีเก็บน้ำนมแม่: เก็บรักษาสต็อกนมแม่ให้อยู่นานที่สุด

    วิธีเก็บน้ำนมแม่: เก็บรักษาสต็อกนมแม่ให้อยู่นานที่สุด

    การเก็บรักษานมแม่ หรือที่เรียกกันว่าการสต็อกนมถือเป็นวิธีสำคัญที่คุณแม่ทุกคนควรทราบ เพราะหากเก็บรักษาหรือนำออกมาใช้อย่างไม่เหมาะสม นมที่เราอุตส่าห์ตั้งใจปั๊มไว้อาจจะเสียได้นะคะ Mommylicious Juice จึงอยากนำวิธีเก็บน้ำนมแม่ รักษาสต็อกน้ำนมแม่ให้อยู่นานที่สุดและการนำนมออกมาให้ลูกดื่มมาฝากกันค่ะ เก็บน้ำนมแม่ไว้ได้นานแค่ไหน? ระยะเวลาในการเก็บน้ำนมแม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะอุณหภูมิที่เหมาะสมค่ะ การเก็บนมนอกห้องแอร์ หากปั๊มนมแล้ววางไว้ที่อุณหภูมิห้องปกติไม่ใช่ห้องแอร์ อุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส แต่ไม่เกิน 37 องศาเซลเซียส สามารถเก็บไว้ได้ ภายใน 1 ชั่วโมง หากอุณหภูมิสูงกว่านั้น หรือปล่อยให้เกินเวลาจะทำให้เกิดเชื้อโรคปนเปื้อนในนมได้ค่ะ การเก็บนมในห้องแอร์ หากปั๊มนมวางไว้ในห้องแอร์ ที่มีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส น้ำนมเหล่านี้จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ การเก็บนมในกระติกน้ำเเข็ง สำหรับคุณแม่ที่ปั๊มจากที่ทำงาน หรือปั๊มนมจากนอกบ้าน การแช่นมในกระติกน้ำแข็ง ควรวัดให้มีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ซึ่งจะสามารถเก็บน้ำนมไว้ได้ 24 ชั่วโมง การเก็บนมในตู้เย็น ช่องธรรมดา การเก็บน้ำนมในช่องธรรมดาควรมีอุณหภูมิ ไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส ซึ่งจะสามารถ เก็บน้ำนมไว้ได้ 5 วัน ช่องแช่แข็งตู้เย็นแบบประตูเดียว ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิไม่เกิน -10…

  • ผมร่วงหลังคลอด: สาเหตุและวิธีแก้ สำหรับคุณแม่ทุกคน

    ผมร่วงหลังคลอด: สาเหตุและวิธีแก้ สำหรับคุณแม่ทุกคน

    ผมร่วงหลังคลอดเป็นอาการแสนหนักใจสำหรับคุณแม่หลายคน โดยเฉพาะสำหรับคุณแม่มือใหม่ แค่ความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ จากการคลอด ฮอร์โมน การให้นมลูก ปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่นหัวนมแตก หรือท่อนมอุดตันแล้ว อาการผมร่วงยังมาเพิ่มเติมสร้างความเครียดและกังวลใจให้กับคุณแม่อีก วันนี้เราจะมาพูดถึงปัญหาผมร่วงหลังคลอดและวิธีแก้ไข้ เพื่อให้คุณแม่ผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างมั่นใจค่ะ ผมร่วงหลังคลอดเกิดจากอะไร? โดยปกติคนเราก็จะมีผมร่วงอยู่ทุกวันประมาณ 50-100 เส้นอยู่แล้ว แต่ร่างกายของคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อเกิดการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ในขณะตั้งครรภ์คุณแม่ดูมีผมสุขภาพดี และไม่มีปัญหาผมร่วง แต่หลังคลอดแล้วฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ทำให้ผมเริ่มร่วงมากขึ้นถึงวันละ 400-500 เส้น พูดง่ายๆ ก็คล้ายกับว่าผมที่ปกติเคยร่วงเป็นประจำ ช่วงคลอดนี้ไม่ร่วงเลย และพอคลอดลูกเสร็จก็ใช้โควตาการร่วงของที่อั้นไว้ตลอดเก้าเดือนนั่นเองค่ะ ระยะฮอร์โมนตกนี้จะอยู่ไป 3-6 เดือนกว่าจะค่อยๆ ปรับระดับขึ้นมาเป็นปกติค่ะ หรือในบางเคสอาจจะมีอาการผมร่วงยาวไปเป็นปีได้ค่ะ อีกปัจจัยสำคัญก็คือเรื่องสารอาหาร ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่มักจะมีการบำรุงสารอาหารเต็มที่เพื่อลูกน้อย แต่หลังจากคลอดแล้วอาจจะลืมบำรุงสารอาหารบางตัวไป การเสริมวิตามินบี ธาตุเหล็ก และสังกะสีจะช่วยลดอาการผมร่วงได้ค่ะ อาการผมร่วงหลังคลอดเป็นปกติหรือไม่? อันตรายหรือเปล่า? แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ผมร่วงหลังคลอดเป็นอาการปกติ ไม่เป็นอันตรายกับคุณแม่ และจะกลับมาเป็นปกติได้เองเมื่อร่างกายปรับตัวแล้วค่ะ วิธีแก้ผมร่วงหลังคลอด เราสามารถลดอาการผมร่วงหลังคลอดได้เอง โดยสามารถบรรเทาอาการ ลดความกังวล และเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณแม่ได้ค่ะ ใช้แชมพูที่ช่วยเพิ่มปริมาณเส้นผม ลดผมร่วง แชมพูบางชนิดจะมีสารที่ช่วยเพิ่ม Volume ให้กับผม…

  • เทคนิคนวดกระตุ้นน้ำนม เพิ่มน้ำนมเพื่อได้ง่ายๆ พร้อมวิธีดูแลเต้านมหลังนวด

    เทคนิคนวดกระตุ้นน้ำนม เพิ่มน้ำนมเพื่อได้ง่ายๆ พร้อมวิธีดูแลเต้านมหลังนวด

    เส้นทางนมแม่ของบางคนอาจจะเจอกับปัญหาน้ำนมไหลน้อย สาเหตุอาจเกิดจาก การเลือกทานอาหารของคุณแม่ และการที่เต้านมไม่ได้รับการกระตุ้น โดยทราบกันไหมคะว่า การนวดกระตุ้นเต้านม ถ้าหากทำให้ถูกวิธี จะช่วยให้ปริมาณน้ำนมไหลมากขึ้น ลดปัญหาท่อน้ำนมอุดตัน และช่วยลดการเจ็บคัด ตึงเต้านมได้ดีทีเดียวค่ะ การนวดกระตุ้นน้ำนมด้วยมือ การนวดกระตุ้นน้ำนมแม่ด้วยมือเรียกอีกอย่างว่า การนวดแบบ Therapeutic Breast Massage in Lactation (TBML) เป็นการนวดแบบนุ่มนวล รวมถึงคุณแม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง แบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และคุณแม่จะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดขณะนวดด้วยค่ะ ควรใช้วิธีนวดคลึงเบาๆบริเวณเต้านม ไม่ควรเค้น หรือบีบเต้านม เพราะจะทำให้เต้านมเกิดการอักเสบได้ค่ะ (สนใจการฝึกนวดแบบ TBML สามารถติดต่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี) นวดให้ถูกทิศทาง วิธีการนวด ควรรู้ทิศทางในการบีบนวด ควรนวดไปในทิศของระบบท่อต่อมน้ำเหลือง เพื่อช่วยให้น้ำนมไหลออกมาได้อย่างดีนะคะ การนวดนี้เพียงแค่กระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของน้ำนมและระบบน้ำเหลือง และช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับร่างกายของคุณแม่อีกด้วยค่ะ นวดแบบ Lymphatic System การนวด Lymphatic System หรือเรียกอีกอย่างว่า การนวดตามหลักการของ Lymphatic System หรือการนวดเดรนน้ำเหลือง คือนอกจากเต้านมของคุณแม่จะมีน้ำนมไว้ให้ลูกดื่มแล้ว ยังมีสารคัดหลั่งต่างๆที่คั่งอยู่ภายในเต้านม นั่นจึงเป็นสาเหตุของการคัดตึงเต้านม การนวดแบบ Lymphatic System…

  • หัวนมแตกทำยังไง? ดูแลหัวนมแตกด้วยเคล็ดลับจากคุณแม่ตัวจริง

    หัวนมแตกทำยังไง? ดูแลหัวนมแตกด้วยเคล็ดลับจากคุณแม่ตัวจริง

    สำหรับคุณแม่มือใหม่ทุกคนการให้นมแม่กับลูกเปรียบเหมือนของขวัญล้ำค่า ที่จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยเติบโตได้อย่างแข็งแร็งและมีความสุข แต่บางครั้งการให้นมแม่ก็มาพร้อมกับความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นอาการเต้านมอักเสบ โดนลูกกัด หรืออาการหัวนมแตก Mommylicious Juice มีวิธีดูแลตัวเองเมื่อประสบปัญหาหัวนมแตกมาแนะนำค่ะ อาหารหัวนมแตกเป็นยังไง? คุณแม่จะรู้สึกเจ็บที่หัวนม หัวนมจะแข็ง แตก และอาจจะมีอาการเลือดออกร่วมด้วย มักจะเกิดในช่วงสัปดาห์แรกของการให้นมลูก หัวนมแตกเกิดจากอะไร? อาการหัวนมแตกของคุณแม่มีหลายสาเหตุดังนี้ 1.ลูกมีพังผืดบริเวณใต้ลิ้น หากพบว่าลูกมีพังผืดขึ้นที่บริเวณใต้ลิ้น ก็อาจส่งผลให้เมื่อลูกดื่มนมของคุณแม่แล้ว จะทำให้หัวนมของคุณแม่เกิดการแตกได้ค่ะ 2.ให้นมลูกผิดท่า การให้นมลูกแบบผิดท่า ก็สามารถทำให้หัวนมของคุณแม่แตกได้เช่นกัน เช่นการให้ลูกนอนตะแคงแบบไม่หันตัวไปในทางเดียวกันทั้งตัว หรือแม้แต่การจับลูกนอนหงายขณะกินนมแบบผิดวิธี 3.การปล่อยให้นมคัดตึง การที่คุณแม่ปล่อยให้เต้านมมีความคัดตึง โดยไม่มีการนวด หรือการปล่อยให้บริเวณลานนมมีความเเข็ง ก็จะทำให้หัวนมแตกได้เช่นเดียวกัน 4.ลูกดูดนมผิดวิธี การให้ลูกดูดนมโดยให้อมเพียงบริเวณหัวนม ก็อาจทำให้ลูกเกิดการเคี้ยวหัวนมด้วยเหงือก จึงทำให้คุณแม่เกิดอาการเจ็บ เกิดภาวะหัวนมแตก และอาจส่งผลให้เลือดออกได้ 5.การดึงเต้านมออกจากปากลูก อีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดหัวนมแตกก็คือ การที่คุณแม่ดึงเต้านมออกจากปากลูก หลังจากที่ลูกทานนมเสร็จแล้วแบบผิดวิธี จึงทำให้เกิดการดึงรั้งไปที่หัวนมได้ค่ะ 6.ผิวบริเวณหัวนมแห้ง การที่คุณแม่ทำความสะอาดผิวบริเวณหัวนม ด้วยการใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้ง หรือการใช้แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดหัวนม ก็จะส่งผลให้ผิวบริเวณหัวนมมีความแห้ง และเกิดอาการหัวนมแตกได้ค่ะ วิธีรับมืออาการหัวนมแตก ลองมาดูวิธีการรักษาอาการหัวนมแตก เพื่อให้คุณแม่สามารถให้น้ำนมแม่กับลูกน้อยได้อย่างสบายใจในทุกช่วงระยะของน้ำนมกันค่ะ 1.ดึงหัวนมออกจากปากลูกให้ถูกวิธี วิธีนี้สามารถทำได้โดยการ ทำการคลายการดูดของลูกออกก่อน แล้วจึงค่อยดึงหัวนมออกจากปากของลูกค่ะ 2.งดการใช้สบู่และแอลกอฮอล์ การใช้สบู่และแอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดหัวนม…

  • ท่อน้ำนมอุดตัน: สาเหตุและวิธีแก้ท่อน้ำนมตันจากคุณแม่ตัวจริง

    ท่อน้ำนมอุดตัน: สาเหตุและวิธีแก้ท่อน้ำนมตันจากคุณแม่ตัวจริง

    ลูกน้อยก็เปรียบเสมือนเป็นของขวัญล้ำค่าแก่ครอบครัวของทุกคน และการให้นมแม่อันมีประโยชน์มหาศาลได้นานที่สุด ก็เป็นเหมือนของขวัญจากอกแม่ให้กับลูกน้อยทุกคน แต่ปัญหาท่อน้ำนมอุดตันกลับเป็นปัญหาหลักที่คุณแม่หลายมักพบเจอ และสร้างความเจ็บปวดทางร่างกายและทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน แล้วท่อน้ำนมอุดตันเกิดขึ้นจากอะไร อาหารที่คุณแม่ทานมีส่วนทำให้ท่อน้ำนมตันหรือไม่ แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง วันนี้ Mommylicious Juice ได้นำความรู้ดีๆเกี่ยวกับปัญหานี้มาฝากกันค่ะ อาการของท่อน้ำนมอุดตัน ท่อน้ำนมอุดตัน คืออาการที่คุณแม่จะมีความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณเต้านม เมื่อลูกดูดนม เมื่อสัมผัสจะพบกับก้อนไต ที่มีลักษณะบวมและเเข็ง อาจพบ White Dot หรือจุดสีขาวบริเวณหัวนมร่วมด้วย  เมื่อกดลงไปบนก้อนไตอาจจะรู้สึกเจ็บ แต่ไม่มีไข้ ส่งผลให้ เต้านมแข็งเป็นแผ่น หรือ มีก้อนไต หัวนมและลานนมผิดรูป อาจมีอาการเส้นเลือดปูด ลูกดูดนมไม่ออก หรือน้อยมากๆ สาเหตุของอาการท่อน้ำนมตัน สาเหตุของการเกิดอาการนี้อาจเกิดจาก ปริมาณน้ำนมมีมากเกินความต้องการของลูก และไม่ได้ถูกระบายออก จึงคั่งอยู่ในนม และเกิดก้อนไตเเข็งๆขึ้นมา น้ำนมมีความเข้มข้นมากเกินปกติ ลูกดูดนมไม่หมดเต้า การสวมเสื้อชั้นในที่รัดเกินไป ดื่มน้ำไม่เพียงพอ ปล่อยให้เต้านมคัดเป็นเวลานาน ทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป แม้แต่ความเครียดสะสมก็มีส่วน เนื่องจากเมื่อคุณแม่เริ่มมีอาการเจ็บเต้านมในระหว่างที่ให้นมลูก จิตใจของคุณแม่ก็จะเริ่มไม่อยากให้นมลูก จึงทำให้เกิดความเครียดขึ้นมานั่นเองค่ะ วิธีแก้ท่อน้ำนมตันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด อาการน้ำนมตันนี้ นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้กับคุณแม่แล้ว หากปล่อยทิ้งไว้อาจจะส่งผลต่อความสามารถในการให้นมแม่ของคุณแม่ และเกิดอาการเต้มนมอักเสบได้ 1.ประคบอุ่น & ประคบเย็น…

  • นมแม่: คู่มือน้ำนมแม่เพื่อคุณแม่ทุกคน ครบถ้วนที่สุด อัปเดต 2021

    นมแม่: คู่มือน้ำนมแม่เพื่อคุณแม่ทุกคน ครบถ้วนที่สุด อัปเดต 2021

    น้ำนมแม่เป็นเหมือนของขวัญอันล้ำค่าชิ้นแรกของลูก กว่าที่ลูกคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาได้ คุณแม่ต้องดูแล รวมถึงให้น้ำนมดื่มกิน เพื่อสร้างการเจริญเติบโต รวมถึงสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก ให้แน่นแฟ้น ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลถึงสภาพร่างกาย และจิตใจของลูกไปถึงอนาคต Mommylicious Juice จึงอยากรวบรวมทุกเครื่องเกี่ยวกับนมแม่ เพื่อให้คุณแม่ทุกคนสามารถให้นมแม่ได้มากและนานที่สุดเพื่อลูกน้อย รวมถึงปัญหา เช่นท่อน้ำนมตัน หัวนมแตก หรือผมร่วงหลังคลอด ข้อควรระวัง และคำถามต่างๆ เส้นทางการให้นม ระยะก่อนคลอด คุณแม่ควรศึกษาหาความรู้ เรื่องนมแม่ และประโยชน์ต่างๆที่ลูกจะได้ รวมถึงวิธีการปั๊มนม การนวดเต้านม การเตรียมอาหารคนท้อง และหลังคลอด หรือเครื่องดื่มมัมมี้ลิเชียสจูซ เพื่อบำรุงร่างกายและน้ำนม การวางแผนการทำงานบ้าน หรือแม้แต่การเลือกโรงพยาบาลที่ส่งเสริมการดื่มนมแม่เป็นต้นค่ะ เมื่อลูกคลอดออกมาแล้ว จะทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้น เพราะได้รับการวางแผนมาแล้วนั่นเอง ช่วงหลังคลอด หลังลูกเกิดภายใน 1 ชั่วโมง ควรให้ลูกดูดนมจากเต้าในทันที เพราะน้ำนมชุดเเรกหรือน้ำนมเหลืองที่ออกมา จะมีประโยชน์ต่อร่างกายของลูกมากทีเดียวค่ะ โดยควรฝึกการอุ้มลูกให้ถูกท่า และให้ลูกดูดนมลึกเข้าไปจนถึงลานนม ควรให้ลูกดูดนมแม่ให้บ่อยที่สุดเท่าที่ลูกจะต้องการ ได้ถึ ง8-12 ครั้ง ต่อวันเลยทีเดียวค่ะ และก่อนที่คุณแม่จะกลับบ้าน ควรบีบน้ำนมให้เป็น เพื่อที่จะสามารถบีบน้ำนมด้วยตัวเอง และลดอาการคัดเต้าได้ 1 เดือนแรก…

  • บอกรักลูกอย่างไรได้บ้าง

    บอกรักลูกอย่างไรได้บ้าง

    วิธีการบอกรักลูกไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเพียงอย่างเดียว การกระทำที่ใส่ใจในตัวลูก ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีบอกรักลูกเช่นเดียวกันค่ะ #MommyliciousJuice จึงนำวิธีแสดงออกถึงความรักมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำไปใช้มาฝากค่ะ การกอดการกอดลูก เป็นวิธีบอกรักที่เบสิคและง่ายที่สุดเลยนะคะ โดยสามารถทำให้สายใยในครอบครัวแน่นแฟ้นขึ้นด้วยค่ะ ให้เวลากับลูกคุณพ่อคุณแม่หลายๆคนอาจไม่มีเวลาว่าง เนื่องจากการทำงาน แต่ก็ควรแบ่งเวลาเพื่อใช้กับลูกบ้าง ของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับลูกก็คือตัวคุณพ่อคุณแม่เองนะคะ รับฟังเรื่องต่างๆการรับฟังเรื่องต่างๆจากลูก ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะช่วยให้ลูกรับรู้ว่าเรานั้นรักและห่วงใยเค้า ชื่นชมลูกเมื่อลูกทำสิ่งดีๆ ก็ควรมีการชื่มชม เพื่อให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจ และอยากทำสิ่งดีๆต่อไปค่ะ การบอกด้วยคำพูดการบอกรักด้วยคำพูดง่ายๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่ และลูกได้ดีค่ะ สร้างบรรยากาศครอบครัวที่ดีการทำบรรยากาศภายในครอบครัวให้ดี มีการหยอกล้อ เล่นสนุกกันอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวอบอุ่น และเป็นการบอกรักอีกหนึ่งทางที่ดีมากๆเลยค่ะ #คุณแม่ #มัมมี้ลิเชียสจูซ #น้ำหัวปลี #กระตุ้นน้ำนม #บำรุงนมแม่ #อาหารเพิ่มน้ำนม #น้ำขิงออแกนิค #น้ำขิง #น้ำหัวปลีออแกนิค #น้ำหัวปลี #น้ำปลีกล้วย #เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ #เครื่องดื่มบำรุงน้ำนม #อาหารคลีน #ลดน้ำหนัก #organic #gingerjuice #bananaflowerjuice #healthydrink #mommymusthave #mommyknowsbest

  • สิ่งที่ควรเลี่ยง เมื่อกำลังตั้งครรภ์

    สิ่งที่ควรเลี่ยง เมื่อกำลังตั้งครรภ์

    ในช่วงก่อนตั้งครรภ์กับหลังตั้งครรภ์นั้น หลายๆคนอาจจะคิดว่าการใช้ชีวิตคงจะไม่ต่างกันมาก แต่จริงๆแล้วเมื่อคุณเริ่มตั้งครรภ์ ความเสี่ยงในเรื่องต่างๆจะมีมากขึ้นกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง หรือการเลือกทานอาหาร คุณแม่ต้องพิถีพิถันมากขึ้นเป็นพิเศษ และมีสิ่งใดบ้างที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย อาหารดิบ การทานอาหารดิบ ที่ไม่ผ่านการปรุงให้สุก เช่น ปลาดิบ หรือผ่านการปรุงแต่ไม่สุกดี อย่างสเต็กแบบRare หรือ Medium Rare มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค หรือแบคทีเรียบางชนิด ที่จะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยและมีผลต่อลูกในท้องได้ค่ะ แต่ถ้าหากคุณแม่ต้องการทานจริงๆ ก็ควรเลือกร้านที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และมีคุณภาพเท่านั้นนะคะ อาหารเสริมบางชนิด อาหารเสริมหรือวิตามินบางชนิด ถ้าลองสังเกตที่ฉลากข้างขวด จะมีการเขียนกำกับไว้ว่า “สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน” เนื่องจากอาจจะมีสารบางตัว ที่จะส่งผลเสียกับลูก และพัฒนาการของลูกในท้อง รวมถึงวิตามินบางตัว ที่ถ้าหากคุณแม่ทานเข้าไปในปริมาณมาก อาจส่งผลให้ลูกในท้องตาบอดได้ ฉะนั้น หากคุณแม่ต้องการทานอาหารเสริมหรือวิตามินใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุดค่ะ บุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้น เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคุณแม่อย่างเด็ดขาด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะส่งผลร้ายโดยตรงต่อพัฒนาการของลูก ทั้งพัฒนาการในการเติบโตของร่างกาย พัฒนาการทางด้านสมอง หรือในขั้นที่รุนแรงที่สุด อาจส่งผลให้ลูกเสียชีวิตได้ อาหารรสจัด หากคุณแม่ชื่นชอบในการทานอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นรสใดก็ตาม อย่างเค็มจัด เปรี้ยวจัด หรือเผ็ดจัด ช่วงที่มีน้อง ควรลดความจัดจ้านของอาหารลง เนื่องจากอาหารรสจัดมีผลต่อระบบย่อยอาหาร อาจทำให้เกิดอาการแสบท้อง…

  • กฎหมายแรงงานกับสิ่งที่คุณแม่ควรรู้

    กฎหมายแรงงานกับสิ่งที่คุณแม่ควรรู้

      คุณแม่ที่กำลังตั้งท้อง หรือคนที่กำลังวางแผนจะมีลูก ทราบกันหรือไม่ว่า กฎหมายแรงงานของประเทศไทยนั้นมีกฎหมายคุ้มครองแรงงานหญิงที่กำลังตั้งครรภ์อย่างไรบ้าง #MommyliciousJuice ได้รวบรวมนำมาให้ได้อ่านกัน เพื่อให้ได้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่พึงจะมีมาให้ทราบกัน คนท้องขอเปลี่ยนงานได้คุณแม่ที่กำลังตั้งท้องที่คิดว่าสายงานของตัวเองมีงานหนักเกินไป หรือรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนงานแบบชั่วคราวในระหว่างที่ท้อง สามารถขอใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่า คุณแม่ไม่สามารถทำงานในหน้าที่เดิมต่อได้ เพื่อนำไปยื่นให้กับนายจ้างเพื่อขอเปลี่ยนงานชั่วคราวได้ โดยนายจ้างต้องเปลี่ยนงานที่เหมาะสมให้ หากไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษจำคุก หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ห้ามให้คนท้องทำงานในช่วงเวลา 22.00 น. ถึง 06.00 น.เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คนท้องต้องได้รับการพักผ่อน โดยรวมถึงการทำงานล่วงเวลาและการทำงานในวันหยุด โดยถ้าหากหญิงตั้งครรภ์เคยทำงานในกะกลางคืน นายจ้างต้องเปลี่ยนช่วงเวลาในการทำงานเป็นกะกลางวันให้แทน ฉะนั้นคุณแม่ที่ทำงานกะกลางคืน สามารถยื่นคำขอเปลี่ยนกะทำงานกับนายจ้างได้เลยนะคะ คนท้องมีสิทธิลาเพื่อการคลอดบุตร คุณแม่ที่กำลังตั้งท้องสามารถลางาน เพื่อตรวจครรภ์และคลอดบุตรได้ ไม่เกิน 90 วันต่อครั้ง โดยนับรวมวันหยุดต่างๆเข้าไปด้วย และนายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างเต็มเวลาเป็นเวลา 45 วัน โดยอีก 45 วันที่เหลือ คุณแม่สามารถขอสิทธิประโยชน์ทดแทนได้จากกองทุนประกันสังคมค่ะ ห้ามเลิกจ้างหญิงตั้งท้องหากคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องโดนบริษัทเลิกจ้างโดยไม่ได้กระทำความผิดใดๆ นายจ้างจะมีความผิดทางอาญา ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ไม่นับรวมการเลิกจ้างด้วยเหตุผลอื่น…

  • 9 วิตามิน ที่คุณแม่ต้องการ

    9 วิตามิน ที่คุณแม่ต้องการ

    คุณแม่ทราบกันไหมคะว่า วิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายของคุณแม่ มีอะไรบ้าง #MommyliciousJuice ได้นำ 9 วิตามิน ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายของคุณแม่มาฝากกัน 1. วิตามิน E ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท,ระบบกล้ามเนื้อ และระบบสืบพันธุ์ โดยสามารถหาทานได้จาก มัลเบอรี่,มะเขือเทศ , มะม่วง ,แก้วมังกร เป็นต้น 2. วิตามิน C วิตามินซีที่ได้จากผักหรือผลไม้ อย่าง ส้ม มะนาว มะเขือเทศ และขิง จะช่วยให้คุณแม่ได้รับสารที่ช่วยในการเพิ่มภูมิต้านทาน วิตามินซี ถือเป็นวิตามินที่จำเป็นสำหรับคุณแม่อย่างยิ่ง เนื่องจากหากขาดวิตามินซี จะทำให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือการคลอดก่อนกำหนดได้ 3. วิตามิน B6 วิตามิน B6 มักพบได้ในกล้วย,คะน้า,ปลาทูน่า,ผักชีฝรั่ง และไข่แดง มีสารกระตุ้นช่วยให้เกิดการเผาผลาญกรดอะมิโน 4. วิตามิน B1 หรือเรียกอีกอย่างว่า ไทอามีน ที่ช่วยในระบบย่อยอาหาร ช่วยลดอาการเหน็บชา การเป็นตะคริว ซึ่งคุณแม่ต้องการวิตามิน B1 มากที่สุดในช่วง 3…

SHOP