ลูกน้อยก็เปรียบเสมือนเป็นของขวัญล้ำค่าแก่ครอบครัวของทุกคน และการให้นมแม่อันมีประโยชน์มหาศาลได้นานที่สุด ก็เป็นเหมือนของขวัญจากอกแม่ให้กับลูกน้อยทุกคน แต่ปัญหาท่อน้ำนมอุดตันกลับเป็นปัญหาหลักที่คุณแม่หลายมักพบเจอ และสร้างความเจ็บปวดทางร่างกายและทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน แล้วท่อน้ำนมอุดตันเกิดขึ้นจากอะไร อาหารที่คุณแม่ทานมีส่วนทำให้ท่อน้ำนมตันหรือไม่ แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง วันนี้ Mommylicious Juice ได้นำความรู้ดีๆเกี่ยวกับปัญหานี้มาฝากกันค่ะ
อาการของท่อน้ำนมอุดตัน
ท่อน้ำนมอุดตัน คืออาการที่คุณแม่จะมีความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณเต้านม เมื่อลูกดูดนม เมื่อสัมผัสจะพบกับก้อนไต ที่มีลักษณะบวมและเเข็ง อาจพบ White Dot หรือจุดสีขาวบริเวณหัวนมร่วมด้วย
เมื่อกดลงไปบนก้อนไตอาจจะรู้สึกเจ็บ แต่ไม่มีไข้ ส่งผลให้
- เต้านมแข็งเป็นแผ่น หรือ มีก้อนไต
- หัวนมและลานนมผิดรูป อาจมีอาการเส้นเลือดปูด
- ลูกดูดนมไม่ออก หรือน้อยมากๆ
สาเหตุของอาการท่อน้ำนมตัน
สาเหตุของการเกิดอาการนี้อาจเกิดจาก
- ปริมาณน้ำนมมีมากเกินความต้องการของลูก และไม่ได้ถูกระบายออก จึงคั่งอยู่ในนม และเกิดก้อนไตเเข็งๆขึ้นมา
- น้ำนมมีความเข้มข้นมากเกินปกติ
- ลูกดูดนมไม่หมดเต้า
- การสวมเสื้อชั้นในที่รัดเกินไป
- ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
- ปล่อยให้เต้านมคัดเป็นเวลานาน
- ทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป
- แม้แต่ความเครียดสะสมก็มีส่วน เนื่องจากเมื่อคุณแม่เริ่มมีอาการเจ็บเต้านมในระหว่างที่ให้นมลูก จิตใจของคุณแม่ก็จะเริ่มไม่อยากให้นมลูก จึงทำให้เกิดความเครียดขึ้นมานั่นเองค่ะ
วิธีแก้ท่อน้ำนมตันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
อาการน้ำนมตันนี้ นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้กับคุณแม่แล้ว หากปล่อยทิ้งไว้อาจจะส่งผลต่อความสามารถในการให้นมแม่ของคุณแม่ และเกิดอาการเต้มนมอักเสบได้
1.ประคบอุ่น & ประคบเย็น
- การประคบอุ่น สามารถทำได้ทั้งการอาบน้ำอุ่น,การใช้ลูกประคบร้อน หรือการใช้ผ้าชุบน้ำร้อน ควรประคบก่อนให้นมหรือปั๊มนม จะช่วยให้ท่อน้ำนมขยายและน้ำนมจะไหลได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
- การประคบเย็น ทำเพื่อลดอาการปวด หลังการให้นมลูก รวมถึงช่วยลดอาการปวดในกรณีที่ลูกเผลอกัดเต้านมได้อีกด้วยค่ะ
2.ทำความสะอาดเต้านม
หลังจากให้นมลูกเสร็จควรทำดูแลรักษาความสะอาดของเต้านมให้ดี อย่าให้มีคราบน้ำนมติดอยู่
3.ให้ลูกดูดนมให้เท่ากันทั้ง 2 ข้าง
พยายามให้ลูกดูดนมให้เท่ากันทั้งสองข้าง อย่าให้ลูกดูดเพียงข้างใดข้างหนึ่ง
4. ให้ลูกดูดนมบ่อยๆ
ให้นมลูกบ่อยๆ เพื่อช่วยให้น้ำนมที่คั่งอยู่ได้ระบายออกไป หรือถ้าในกรณีที่ไม่สามารถให้นมลูกบ่อยๆได้ ควรใช้เครื่องปั๊มนมดูดออกให้เกลี้ยงค่ะ รวมทั้งพยายามให้ลูกดูดนมจากเต้าที่มีท่ออุดตันก่อน เพื่อลดปัญหานมค้างสะสม
5.หากเจ็บจนทนไม่ไหวควรพบแพทย์
หากมีอาการปวดมากจนทนไม่ไหวควรปรึกษาแพทย์ เพราะถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดฝีขึ้นที่เต้านม นำไปสู่ความเครียดสะสมได้ค่ะ
หากอาการของคุณแม่รุนแรงขึ้น ปัจจุบันแพทย์มีวิธีรักษาอาการท่อน้ำนมอุดตันด้วยการทำอัลตราซาวด์บริเวณเต้านม เพื่อช่วยขยายเปิดท่อน้ำนม ด้วยการสั่นสะเทือน โดยหลังจากทำอัลตราซาวด์เพื่อแก้ท่อน้ำนมตันแล้ว ก็สามารถให้นมลูกได้ทันที
การรักษาจุดสีขาวจากท่อน้ำนมตัน
บางครั้งจุดสีขาวอาจจะหลุดออกมาเองตอนลูกดูดนมได้ ถ้าไม่ต้องการรอ คุณแม่สามารถใช้เข็มสะอาดสะกิดออก หรือบีบออกตอนอาบน้ำอุ่นได้ แต่ความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ข้อควรระวังเกี่ยวกับท่อน้ำนมอุดตัน
- ระวังอย่าให้ท่อน้ำนมตันนานเกินไปเพราะอาจจะทำให้เกิดฝี หรือเต้านมอักเสบได้
- อย่าบีบเค้นเต้านมเกินไป ให้ประคบร้อนแล้วนวดอย่างเบามือ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณแม่ทุกคน และเมื่อคุณแม่หมดปัญหาท่อน้ำนมตันแล้ว อย่าลืมมาบำรุงน้ำนมกับเครื่องดื่มบำรุงน้ำนม Mommylicious Juice นะคะ
วิธีแก้ท่อน้ำนมตัน ทำอย่างไรดี?
การแก้ปัญหาท่อน้ำนมตันมีหลายวิธี เช่นประคบร้อน ประคบเย็น การทำความสะอาด ความถี่ในการให้นมลูก หรือกระทั่งการอัตราซาวด์เพื่อเปิดท่อน้ำนม กดเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ค่ะ
ท่อน้ำนมตัน ห้ามทานอะไรบ้าง?
การทานอาหารที่มีความมันมากๆ เช่น ของทอด หรือชีส จะมีโอกาสทำให้เกิดท่อน้ำนมตันได้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้
ท่อน้ำนมตัน อันตรายหรือไม่?
ไม่ควรปล่อยให้มีอาการท่อน้ำนมตันนานเกินไป เพราะนอกจากจะเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว การปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำให้เกิดฝี หรืออาการเต้านมอักเสบได้
4 responses to “ท่อน้ำนมอุดตัน: สาเหตุและวิธีแก้ท่อน้ำนมตันจากคุณแม่ตัวจริง”
[…] คุณแม่ควรนวดเต้านม และลานนมบ่อยๆ เพื่อช่วยให้เต้านมมีความนิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยให้น้ำนมไหลดี ป้องกันอาการท่อน้ำนมตันอีกด้วยค่ะ […]
[…] ลดปัญหาท่อน้ำนมอุดตัน และช่วยลดการเจ็บคัด […]
[…] ปัญหาท่อน้ำนมอุดตันเกิดจากการที่นมค้างอยู่ภายในเต้านม และจะส่งผลให้เกิดก้อนไตแข็งๆ และมีจุดสีขาวขึ้นทั่วหัวนม ทำให้คุณแม่เกิดภาวะเต้านมอักเสบได้ค่ะ และอาจเกิดจากการที่คุณแม่สวมเสื้อผ้า หรือเสื้อชั้นในที่รัดเกินไปค่ะ […]
[…] […]