ช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์เป็นช่วงใกล้คลอดแล้วมันก็จะตื่นเต้นๆหน่อยใช่มั้ยคะ อุ้มท้องกันมาตั้งนานจะได้เห็นหน้าเจ้าตัวเล็กกันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็คงเริ่มเตรียมข้าวของเครื่องใช้เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ของบ้าน วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนคลอดมาไว้ให้ศึกษากันค่ะ
คลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอดดี?
การเลือกว่าจะคลอดลูกแบบธรรมชาติหรือผ่าคลอดคุณแม่ควรทำการตัดสินใจร่วมกับคุณหมอที่ดูแล เพราะต้องคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยในการคลอดของทั้งแม่และลูก โดยการทำคลอดทั้งสองแบบนี้มีข้อดีต่างกันดังนี้
ข้อดีของการคลอดแบบธรรมชาติ
- ฟื้นตัวเร็ว เจ็บแผลน้อย
การคลอดแบบธรรมชาติจะทำให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วกว่า เพราะไม่ถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่นะคะ รวมถึงความเจ็บของแผลที่จะน้อยกว่าการผ่าคลอด - ลูกมีภูมิคุ้มกันการคลอดแบบธรรมชาติ
ขณะที่ลูกเคลื่อนตัวผ่านช่องคลอด จะได้รับเชื้อที่จะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้กับลูกได้ ทำให้ลูกมีสุขภาพที่เเข็งแรง และป่วยยาก - ระบบการหายใจของลูกดี
ขณะทำคลอดลูกร่างกายของลูกจะถูกบีบ และขับของเหลวอออกมา ทำให้ลูกสามารถหายใจได้ดี กว่าการคลอดแบบผ่า - ราคาการคลอดธรรมชาติถูกกว่าการผ่าคลอด
การคลอดแบบธรรมชาติไม่ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ จึงไม่ต้องเสียค่าผ่าคลอด ค่าบล็อกหลัง เป็นต้น จึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการผ่าคลอด
ข้อดีของการผ่าคลอด
- กำหนดวันคลอดได้
การผ่าคลอด จะทำให้คุณแม่สามารถกำหนดวันคลอดให้กับลูกได้ ซึ่งมีข้อดีคือ สามารถจัดวางตารางเวลาในการลาคลอด และการทำงานได้ และหากเชื่อเรื่องฤกษ์ยามก็สามารถเลือกวันเวลาที่เป็นฤกษ์ดีกับลูก - ปลอดภัยกับคุณแม่ที่มดลูกไม่ขยายตัว หรืออุ้งเชิงกรานแคบ
หากคุณแม่มีสรีระที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการคลอดแบบปกติ การผ่าคลอดจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัย - ปลอดภัยกับลูกที่ไม่กลับหัว
ในกรณีที่ลูกไม่กลัวหัวจะมีอันตรายในคลอดแบบธรรมชาติ คุณแม่จึงจำเป็นต้องผ่าคลอดเพื่อความปลอดภัย - ปลอดภัยกับแม่ที่เคยผ่าคลอดมาแล้ว
คุณแม่ที่เคยผ่าคลอดลูกคนแรกแล้ว เมื่อคลอดลูกคนต่อมาก็จำเป็นต้องผ่าคลอดเช่นกันเพื่อความสะดวก และปลอดภัยกับทั้งตัวคุณแม่และลูก - ปลอดภัยกับแม่ที่มีโรคประจำตัว
โดยโรคที่ไม่สามารถคลอดแบบปกติได้ ได้แก่ โรคความดันเลือดสูง หรือเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น
เทคนิคดูแลแผลผ่าคลอด
สำหรับคุณแม่ทำการผ่าคลอด ก็จะต้องมีแผลผ่าตัด ที่ควรได้รับการใส่ใจดูแลให้ถูกต้อง ซึ่งเมื่อดูแลอย่างดี จะช่วยลดการเกิดแผลเป็น หรือแผลคีลอยด์ได้ โดยแผลผ่าคลอด ส่วนใหญ่จะมีขนาดไม่เกิน 6 นิ้ว ในช่วงแรกๆแผลจะเริ่มเป็นสีแดง และม่วงช้ำ ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน รอยแดงช้ำเหล่านั้นจึงจะค่อยๆจางลง สิ่งที่คุณแม่ควรทำเพื่อช่วยให้แผลหายเร็ว คือ
- เดินและขยับตัวให้เป็นปกติ
ถึงแม้จะยังเจ็บมาก แต่เมื่อคุณหมอถอดสายสวนปัสสาวะออกแล้ว คุณแม่ควรลุกออกจากเตียง เดินไปเดินมาในห้อง อย่านอนติดเตียง เพราะการขยับตัวบ้าง จะช่วยให้หายเจ็บแผลเร็ว พยายามเดินให้ตรงเป็นปกติ จะได้หายเจ็บแผลทันกลับบ้าน - งดยกของหนัก
การยกของหนักจะทำให้รอยเย็บแผลปริและมีเลือดไหลซึมออกมาได้ เนื่องจากแผลยังสมานกันได้ไม่ดีพอ ควรงดการยกของหนักอย่างน้อย 2 เดือนจนกว่าแผลจะสมานกันดี - อาบน้ำและซับแผลให้แห้ง
ควรเลือกสบู่ที่มีฤทธิ์อ่อนเพื่อป้องกันการกัดผิวบริเวณแผล ในช่วงแรกไม่ควรแช่น้ำในอ่างเพราะจะเพิ่มโอกาสให้น้ำเข้าแผล และทำให้แผลหายช้า ควรซับแผลให้แห้งสนิทหลังอาบน้ำทันที เพื่อให้ป้องกันความอับชื้น - ทานยาให้ครบ
การทานยาจะช่วยให้แผลแห้งเร็ว และลดโอกาสในการติดเชื้อ หากคุณแม่ไม่ทานให้ตรงเวลา หรือครบเซตยาที่คุณหมอจัดให้ อาจเสี่ยงต่อการที่แผลกลับมาอักเสบอีก - ดูแลแผลอย่าให้ชื้น ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
ความชื้นจะทำให้แผลนั้นหายยาก และจะเกิดการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นความชื้นจากการอาบน้ำ หรือความชื้นจากเหงื่อ ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดเกินไป เพราะจะทำให้แผลหายช้าหรือเกิดการเสียดสีจนอักเสบได้ ควรให้แผลได้โดนอากาศมากที่สุด - ลูบแผลเบาๆ เพื่อให้เส้นประสาทเชื่อมกัน
เมื่อแผลแห้งสนิทติดกันดีเรียบร้อยแล้ว ควรลูบแตะแผลเบาๆ เมื่อนึกได้ เพราะการผ่าตัดนั้นทำให้เส้นประสาทขาดออกจากกัน การสัมผัสแผลเบาๆ มันจะทำให้รู้สึกแปล๊บๆ เป็นการเร่งช่วยให้เส้นประสาทให้กลับมาเชื่อมต่อกัน
เช็คลิสต์จัดกระเป๋าเตรียมตัวไปคลอด
คุณพ่อคุณแม่อาจจะตื่นเต้นจนนึกไม่ออกว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง เราจึงมีรายการสิ่งของที่ควรจัดเตรียมก่อนไปโรงพยาบาลมาให้เช็กความพร้อมกันค่ะ
จัดกระเป๋าไปคลอด: ของสำคัญของลูก
- ผ้าอ้อม (แบบธรรมดา,แบบสำเร็จรูป)
- หมวกคลุมศีรษะ ,ถุงมือ,ถุงเท้า
- เสื้อผ้าสำหรับใส่กลับบ้าน
- ผ้าเช็ดน้ำลาย
- ผ้าห่ม
- สำลี , ทิชชู่เปียก
จัดกระเป๋าไปคลอด: ของสำคัญของคุณพ่อ หรือคนนอนเฝ้า
- เสื้อผ้า (ชุดธรรมดา,ชุดนอน)
- ชุดชั้นใน
- แปรงสีฟัน ,ยาสระผม
- กล้องถ่ายรูป
- แบตเตอรี่ , ที่ชาร์จโทรศัพท์และกล้อง
จัดกระเป๋าไปคลอด: เอกสารการคลอด
- สมุดบันทึกการฝากครรภ์
- บัตรประกันสุขภาพ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (คุณพ่อ,คุณแม่)
- สำเนาทะเบียนบ้าน (คุณพ่อ,คุณแม่)
- ใบทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
จัดกระเป๋าไปคลอด: ของสำคัญคุณแม่
- เสื้อผ้าใส่กลับบ้าน 1 ชุด
- ชุดชั้นในสำหรับให้นม
- แผ่นซับน้ำนม
- ผ้าคลุมให้นม
- ผ้าอนามัย
- แชมพู , ครีมอาบน้ำ , ยาสีฟัน
- ถุงเก็บน้ำนม
- ครีมทาลดรอยแตก
- กระเป๋าน้ำร้อน
- เครื่องดื่มบำรุงน้ำนม มัมมี้ลิเชียสจูซ
เตรียมเต้าก่อนคลอด
การเตรียมความพร้อมก่อนคลอด นอกจากการจัดเตรียมสิ่งของต่างๆแล้ว การเตรียมตัวของคุณแม่ก็สำคัญไม่แพ้กัน รวมไปถึงการเตรียมเต้าให้พร้อมสำหรับเริ่มให้นมลูก ทางเรามีวิธีง่ายๆ ช่วยคุณแม่เตรียมเต้าให้หร้อใสำหรับการให้นมลูกมาแนะนำค่ะ
- งดทาครีมบริเวณหัวนม
การทาครีมบนหัวนมอาจส่งผลให้ครีมเหล่านั้นเข้าไปอุดตันผิว และอุดตันท่อส่งน้ำนมได้ค่ะ และหากคุณแม่ทำการทาครีมในช่วงที่ลูกดูดนมด้วยแล้ว อาจส่งผลให้เกิดอาการหัวนมแตกง่ายขึ้น - ดื่มน้ำหัวปลี ช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อนคลอด
อาหารบางอย่างช่วยกระตุ้นน้ำนมให้แม่ได้ โดยเฉพาะหัวปลี ซึ่งในปัจจุบันมัมมี้ลิเชียสจูซก็มีน้ำหัวปลีให้คุณแม่เลือกดื่มหลากหลายรสชาติ เพื่อให้คุณแม่บำรุงน้ำนมอย่างมีความสุข - สังเกตรูปแบบของหัวนม
การรู้ว่าหัวนมมีลักษณะอย่างไร ช่วยให้วางแผนการให้นมได้ดีขึ้น เพราะลักษณะเต้าและหัวนมแต่ละแบบอาจมีท่าที่ลูกดูดนมสะดวก และขนาดกรวยปั๊มนมที่เหมาะสมแตกต่างกัน - นวดเต้านมเพื่อกระตุ้นน้ำนม
การนวดเต้านมสามารถช่วยกระตุ้นน้ำนมให้กับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี และยังช่วยบรรเทาอาการคัดตึงเต้าได้ด้วย - ศึกษาวิธีการจัดการกับน้ำนม
การเรียนรู้เรื่องการปั๊มนม การเตรียมถุงนม วิธีการเก็บน้ำนม การใช้แผ่นซับน้ำนมที่ถูกต้อง และวิธีจัดการกับคราบน้ำนมล้วนเป็นสิ่งที่สามารถศึกษาได้ก่อนคลอด - ศึกษาวิธีการให้นมที่ถูกต้อง
การให้นมก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่าปริมาณน้ำนมที่แม่มี การเรียนรู้ท่าให้นมที่ถูกต้อง หรือปริมาณของน้ำนมที่ลูกต้องการในแต่ละช่วงอายุของลูก จะช่วยให้คุณแม่สามารถจัดการกับน้ำนม สามารถกระตุ้นน้ำนมได้อย่างถูกวิธี และให้นมกับลูกได้เพียงพอกับความต้องการ
สุดท้ายนี้ คุณแม่ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทำใจสบายๆ และรีบตักตวงเวลาส่วนตัวเอาไว้มากๆ เพราะเมื่อคลอดแล้วจะต้องใช้เวลาปรับตัวและปรับเวลากับเจ้าตัวน้อยไปอีกซักพักใหญ่เลยนะคะ มัมมี้ลิเชียสจูซขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกท่านและครอบครัวค่ะ
ควรเลือกการคลอดลูกแบบไหนดีระหว่างการผ่าคลอดลูกและการคลอดลูกแบบธรรมชาติ
คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอและตัดสินใจร่วมกัน เนื่องจากสุขภาพและสรีระของคุณแม่บางท่านอาจไม่เหมาะกับการคลอดธรรมชาติ คุณหมออาจจะแนะนให้ทำการผ่าคลอด แต่หากคุณแม่และลูกในท้องแข็งแรงดีคุณหมออาจแนะนำให้คลอดตามธรรมชาติ
เตรียมตัวอย่างไรให้น้ำนมมาเร็วหลังคลอด
คุณแม่ศึกษาท่าให้นมที่ถูกต้อง และการนวดเต้ากระตุ้นน้ำนมไว้ก่อนได้ และควรบำรุงด้วยน้ำหัวปลีในช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อนคลอด เพื่อให้มีน้ำนมหลังคลอด
หลังผ่าคลอดให้นมลูกได้หรือไม่
ได้ค่ะ หลังผ่าตัดคลอดแล้ว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพยาบาลจะนำลูกมาพบคุณแม่เพื่อเข้าเต้าค่ะ คุณแม่สามารถแจ้งความประสงค์ที่จะให้นมแม่กับทีมแพทย์และพยาบาลก่อนการผ่าตัดได้เลย
ควรเคลื่อนไหวร่างกายหลังผ่าตัดคลอดหรือไม่
หลังการผ่าตัด ควรขยับตัวและช่วยเหลือตัวเองให้ได้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยให้แผลหายไวขึ้น แต่ควรงดการยกของหนัก และงดออกกำลังกายหนักๆ เพื่อป้องกันแผลเปิด
Photo by Luma Pimentel and Fanny Renaud on Unsplash